ต้นไม้เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความร่มรื่น พร้อมทั้งยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการพักผ่อนได้อีกด้วย ทำให้หลาย ๆ บ้านตั้งแต่ในยุคอดีตก็มักจะต้องมีต้นไม้มาปลูกอยู่ที่สวนด้วยกันทั้งสิน ดังนั้นทุก ๆ คนที่มีบ้านจึงต้องคอยเลือกต้นไม้ชนิดต่าง ๆ มาตกแต่งสวนให้น่าอาศัยอยู่เสมอ และเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่กำลังเริ่มสนใจเรื่องต้นไม้ คงกำลังค้นหาข้อมูลหรือรายชื่อต้นไม้ที่น่าสนใจนำมาปลูกที่บ้านอยู่ก็ได้มารู้จักกับต้นน้ำเต้าที่มีอยู่ทั้งพันธุ์อินเดีย และพันธุ์ญี่ปุ่นที่มักเป็นที่ถูกพูดถึง แต่ก็เกิดข้อสงสัยกันว่า ต้นน้ำเต้าอินเดีย กับต้นน้ำเต้าญี่ปุ่นนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? รวมถึงคุณประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ด้วย ซึ่งในวันนี้เราก็ได้ทำการรวมรวบข้อมูลมาเล่าให้ทุก ๆ คนได้ติดตามกัน
เนื้อหาในบทความนี้
ต้นน้ำเต้าอินเดีย
เป็นต้นไม้ที่มีข้อมูลอยู่ ณ ปัจจุบันค่อนข้างน้อย ลักษณะโดยทั่วไปเป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 3-8 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดทรงกลม โปร่ง แตกกิ่งก้านแผ่กว้าง ปลายกิ่งห้อยย้อย เป็นต้นไม้ที่โตช้า และเจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้น สามารถทนน้ำท่วมขังดี การออกดอกจะออกดอกเดี่ยว หรือคู่ตามลำต้นและกิ่ง ดอกร่วงง่าย แต่สามารถออกดอกตลอดปี ส่วนผลก็จะมีลักษณะเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลาง 13 – 20 เซนติเมตร เปลือกแข็งหนาเมื่อแก่จะมีสีเหลืองงอมเขียว มีเมล็ดกลมแบนน้ำตาลเข้ม
สรรพคุณ : ใช้ล้างแผล ท้องเดิน แก้ฟกซ้ำ เป็นยาระบายอ่อน ๆ ขับเสมหะ แก้ไข ปวดศีรษะ ขับปัสสาวะ แก้บิด
ต้นน้ำเต้าญี่ปุ่น
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 2-10 เมตร กิ่งก้านแผ่ตามแนวราบ นอกจากนี้ยังเป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องการการดูแลรักษามาก สามารถเจริญเติบโตได้เร็ว และทนแล้งได้เป็นอย่างดี ส่วนดอกจะเป็นดอกเดี่ยวห้อยลง ดอกเป็นสีเขียวอมเหลืองและมีลายสีม่วง กลีบของดอกเชื่อมติดกันเป็นท่อ ที่ปลายดอกแยกออกเป็นกลีบ 5 กลีบ ส่วนผลก็จะมีลักษณะเป็นทรงกลมโต มีขนาดตั้งแต่ 15-50 เซนติเมตร ผิวเรียบเป็นสีเขียวอ่อน ผิวเรียบและแข็ง ภายในผลมีเนื้อเป็นปุยสีขาวและเมล็ดสีน้ำตาลขนาดเล็กลักษณะแบน ๆ
สรรพคุณของต้นน้ำเต้าญี่ปุ่น
- เนื้อในผลหรือใบสดนำมาตำหรือบดแล้วนำมาพอกจะช่วยแก้อาการปวดศีรษะได้
- เนื้อในผลช่วยแก้โรคหืด
- เนื้อในผลช่วยแก้ไข้ได้
- เนื้อในผลมีรสเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย ช่วยขับเสมหะ
- ช่วยรักษาอาการท้องเสีย ปวดท้อง
- ผลดิบมีรสเปรี้ยวใช้กินเป็นยาระบายได้ ส่วนเนื้อในผลก็ช่วยระบายท้องด้วยเช่นกัน ข้อควรระวัง คือ ถ้ากินมากไปก็อาจทำให้ท้องเสียได้
- เปลือกต้นมีรสฝาด นำมาต้มกับน้ำดื่มจะช่วยแก้อาการท้องเดินได้
- เนื้อในผลช่วยแก้อาอาการบิด
- เนื้อในผลสามารถใช้เป็นยาขับปัสสาวะได้
- แก่นสามารถนำมาต้มกับน้ำดื่ม ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียหลังคลอดบุตรได้
- เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำใช้ล้างบาดแผลได้
- ส่วนใบสามารถช่วยแก้อาการฟกช้ำ โดยการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่มีอาการฟกช้ำ
ข้อแตกต่างระหว่างทั้ง 2 พันธุ์
จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าสรรพคุณของทั้งต้นน้ำเต้าอินและต้นน้ำเต้าญี่ปุ่นนั้นแทบจะไม่มีอะไรที่แตกต่างกันสักเท่าไรเลย จำต่างกันก็เฉพาะคุณสมบัติในการปลูกเท่านั้นที่ต้นน้ำเต้าอินจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้น และเจริญเติบโตได้ช้า ส่วนต้นน้ำเต้าญี่ปุ่นจะสามารถปลูกในที่แล้งได้ เพราะทนความแล้งได้ดี แถมยังสามารถเจริญเติบโตได้เร็วอีกด้วย ดังนั้นใครกำลังสนใจต้นน้ำเต้าอยู่สะดวกจะปลูกแบบไหนก็เลือกปลูกแบบนั้นกันได้เลยไม่ว่าจะพันธุ์อินเดีย หรือพันธุ์ญี่ปุ่น